การสร้างและพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด We love Thathongmai
ชื่อนวัตกรรม : การสร้างและพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย : นางปิยดา สตันน๊อด
ตำแหน่ง : ครู วิทยฐานะชำนาญการ
สังกัด : โรงเรียนบ้านบางสำโรง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1
ปี : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านบางสำโรง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 31 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน หนังสือส่งเสริมการอ่าน และแบบสอบถามความพึงพอใจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ค่าระดับความยาก ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การคำนวณหาประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านตามเกณฑ์ 80/80 และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปรโดยใช้ t-test
ผลการวิจัย พบว่า
1. ประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai เท่ากับ 89.26 / 88.38 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย =4.64)
ผู้วิจัย : นางปิยดา สตันน๊อด
ตำแหน่ง : ครู วิทยฐานะชำนาญการ
สังกัด : โรงเรียนบ้านบางสำโรง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1
ปี : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านบางสำโรง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 31 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน หนังสือส่งเสริมการอ่าน และแบบสอบถามความพึงพอใจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ค่าระดับความยาก ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การคำนวณหาประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านตามเกณฑ์ 80/80 และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปรโดยใช้ t-test
ผลการวิจัย พบว่า
1. ประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai เท่ากับ 89.26 / 88.38 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสื่อสาร ชุด We love Thathongmai กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย =4.64)