รายงานผลการพัฒนาและการใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ส
การศึกษาครั้งนี้ เป็นการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1. หาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้น ตามเกณฑ์ 80/80
2. ศึกษาพฤติกรรมทางการเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป 3. เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป และ 4. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
การศึกษาครั้งนี้ทดลองกับกลุ่มเป้าหมาย คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านโคกกลาง
บ่อหลุบ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใช้วิธีการทดลองแบบ One-Group Pre test-Post test Design กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน บทเรียนสำเร็จรูป จำนวน 8 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน-หลังเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบประจำบทเรียนก่อน-หลังเรียน จำนวน 8 ฉบับ และแบบสังเกตพฤติกรรมทางการเรียน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pre-test) จัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ ทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจประจำบทเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนสังเกตพฤติกรรมทางการเรียน และทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติพื้นฐานได้แก่ เฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สถิติ t-test
แบบ Dependent Sample
ผลการศึกษาครั้งนี้ พบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้น เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.84/88.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. นักเรียนมีพฤติกรรมทางการเรียนของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 88.72,
S.D. = 1.40)
3. นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น
ร้อยละ 82.00
4. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ศึกษาพฤติกรรมทางการเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป 3. เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป และ 4. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) สาระที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
การศึกษาครั้งนี้ทดลองกับกลุ่มเป้าหมาย คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านโคกกลาง
บ่อหลุบ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใช้วิธีการทดลองแบบ One-Group Pre test-Post test Design กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน บทเรียนสำเร็จรูป จำนวน 8 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน-หลังเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบประจำบทเรียนก่อน-หลังเรียน จำนวน 8 ฉบับ และแบบสังเกตพฤติกรรมทางการเรียน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pre-test) จัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ ทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจประจำบทเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนสังเกตพฤติกรรมทางการเรียน และทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติพื้นฐานได้แก่ เฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สถิติ t-test
แบบ Dependent Sample
ผลการศึกษาครั้งนี้ พบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้น เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.84/88.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. นักเรียนมีพฤติกรรมทางการเรียนของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 88.72,
S.D. = 1.40)
3. นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น
ร้อยละ 82.00
4. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05