แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ (English Reading Skill Exercise)
ผู้รายงาน นางนฤมล กกกลาง
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านเขว้าวิทยายน อำเภอบ้านเขว้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30
ปีที่พิมพ์ ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้เรื่องทักษะพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษ 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ (English Reading Skill Exercise) เรื่องทักษะพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษ รายวิชาภาษาอังกฤษ (อ22101) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนบ้านเขว้าวิทยายน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 23 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 14 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ 5 เล่ม ที่มีความสอดคล้องเหมาะสมมากถึงมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยทุกเล่มเท่ากับ 4.76 จัดกิจกรรมด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ 10 แผน ที่มีความสอดคล้องเหมาะสมมากถึงมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยทุกแผนเท่ากับ 4.78 ใช้เวลา 15 ชั่วโมง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนก 0.20 – 1.00 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 แบบสอบถามความพึงพอใจ ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเหมาะสมมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละและสถิติ t-test (Dependent Sample t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 84.68/86.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ได้ผลสรุปในแต่ละเล่ม ดังนี้
2.1 เล่มที่ 1 เรื่อง My Family นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.39 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 43.91
2.2 เล่มที่ 2 เรื่อง My daily routine นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนโดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.26 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 42.6
2.3 เล่มที่ 3 เรื่อง At the field นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนโดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.17 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 41.74
2.4 เล่มที่ 4 เรื่อง My bedroom นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนโดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.22 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 42.17
2.5 เล่มที่ 5 เรื่อง My favorite place นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนโดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นเท่ากับ 3.91 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 39.13
ผลการวิเคราะห์ด้วยสถิติ t-test (Dependent Sample Test) เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ มีค่าเท่ากับ 0.76 มีประสิทธิภาพที่ยอมรับได้ ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 76.46
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.77