การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป (CIPPA MODEL)
การเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นายสมศักดิ์ บัวเขียว
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
สถานศึกษา โรงเรียนผักไหมวิทยานุxxxล ตำบลผักไหม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 27 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนผักไหมวิทยานุxxxล ตำบลผักไหม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบทำการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pretest - Posttest Design) ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส23165 กลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส23165 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.27 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.21 - 0.88 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง
0.45 – 0.81 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL)
เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 84.72/83.70 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.66 หรือ คิดเป็นร้อยละ 66.00 แสดงว่าบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.00
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป
โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่องพัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, S.D. = 0.58) ข้อที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ข้อที่ 3 นักเรียนเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย และภาคภูมิใจในความเป็นไทย อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D. = 0.45) รองลงมาคือ ข้อที่ 2 บทเรียนสำเร็จรูปแบบ CIPPA ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.70, S.D. = 0.54) รองลงมาคือ ข้อที่ 4 เนื้อหาของบทเรียนสำเร็จรูปแบบ CIPPA สามารถนำไปเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อได้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D. = 0.55) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ข้อที่ 12 นักเรียนทราบผลการเรียนรู้ของตนเองตลอดเวลา อยู่ในระดับมาก ( = 4.37, S.D. = 0.63)