การใช้และพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนซอด้วง
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 2 ดนตรี 2) เพื่อศึกษาและพัฒนาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการเรียนซอด้วงของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 2 ดนตรี ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนซอด้วง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 2 ดนตรี กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 17 คน โรงเรียนบ้านหนองใยบัว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2 เป็นนักเรียนที่มีการกระจายของผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์เก่ง ปานกลาง และอ่อน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ เอกสารประกอบการเรียนซอด้วง จำนวน 6 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน แบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่าที (t–test)
ผลการรายงาน พบว่า
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนขิม E1/E2 = 82.36/83.04 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 1
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนมีคะแนนทดสอบก่อนเรียนร้อยละ 21.91 คะแนน ทดสอบหลังเรียนร้อยละ 83.53 นักเรียนมีคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 2
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนขิม โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก = 4.55 สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 3
ผลการรายงาน พบว่า
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนขิม E1/E2 = 82.36/83.04 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 1
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนมีคะแนนทดสอบก่อนเรียนร้อยละ 21.91 คะแนน ทดสอบหลังเรียนร้อยละ 83.53 นักเรียนมีคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 2
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนขิม โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก = 4.55 สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 3