รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203
ชื่อเรื่อง รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้ศึกษา นายปฏิณญา โคตรวงศ์
ปีที่ทำการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 จำนวน 48 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชา ฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 แบบฝึก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t – test แบบ Dependent Samples
ผลการศึกษาพบว่า
1. จากการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้ศึกษาได้สร้างขึ้น พบว่า มีประสิทธิภาพ 83.13/82.03
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.7068 แสดงว่า นักเรียนมีความรู้และความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น 0.7068 หรือคิดเป็นร้อยละ 70.68
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยรวม 4.47 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.66 แปลผลภาพรวมอยู่ในระดับมาก ประเด็นที่นักเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ความละเอียดและความชัดเจนของเนื้อหา เนื้อหาอ่านแล้วเข้าใจง่าย มีความสอดคล้องของเนื้อหาของแบบฝึกทักษะกับจุดประสงค์การเรียนรู้ แบบฝึกทักษะเร้าความสนใจของนักเรียนมีความยากง่ายพอเหมาะ ใช้ภาษาสื่อความหมายชัดเจนและเหมาะสมกับวัย ข้อคำถามและคำตอบสื่อตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ใช้ภาษาถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษา ตามลำดับ
ผู้ศึกษา นายปฏิณญา โคตรวงศ์
ปีที่ทำการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 จำนวน 48 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชา ฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 แบบฝึก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t – test แบบ Dependent Samples
ผลการศึกษาพบว่า
1. จากการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้ศึกษาได้สร้างขึ้น พบว่า มีประสิทธิภาพ 83.13/82.03
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.7068 แสดงว่า นักเรียนมีความรู้และความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น 0.7068 หรือคิดเป็นร้อยละ 70.68
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ 3 ว30203 เรื่อง เสียงและการได้ยิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยรวม 4.47 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.66 แปลผลภาพรวมอยู่ในระดับมาก ประเด็นที่นักเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ความละเอียดและความชัดเจนของเนื้อหา เนื้อหาอ่านแล้วเข้าใจง่าย มีความสอดคล้องของเนื้อหาของแบบฝึกทักษะกับจุดประสงค์การเรียนรู้ แบบฝึกทักษะเร้าความสนใจของนักเรียนมีความยากง่ายพอเหมาะ ใช้ภาษาสื่อความหมายชัดเจนและเหมาะสมกับวัย ข้อคำถามและคำตอบสื่อตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ใช้ภาษาถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษา ตามลำดับ