รายงานการพัฒนาชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับกิจกรรมเชิงรุก (Active Learning) ชื่อผู้ศึกษา กนกธร รัศมี ปีที่ศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 ของโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 39 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยการจับฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบประเภทปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้สร้างขึ้นตามวิธีการของลิเคอร์ท (Likert) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ("X" ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการศึกษาพบว่า 1. ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.44/86.86 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 และมีค่า ดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.74 เป็นไปตามเกณฑ์ คือ มีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป 2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 86.86 ของคะแนนสอบ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80 ขึ้นไป 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ("X" ̅ = 4.68, S.D. = 0.58)
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 ของโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 39 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยการจับฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบประเภทปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้สร้างขึ้นตามวิธีการของลิเคอร์ท (Likert) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ("X" ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการศึกษาพบว่า 1. ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.44/86.86 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 และมีค่า ดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.74 เป็นไปตามเกณฑ์ คือ มีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป 2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 86.86 ของคะแนนสอบ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80 ขึ้นไป 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอน วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ("X" ̅ = 4.68, S.D. = 0.58)