ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 2)เพื่อศึกษาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนหนองรีประชานิมิต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่าง 1 ห้องเรียน จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 18 แผน 3) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.50-0.75 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.48 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( x-bar) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละ (%) และการทดสอบค่าที (t-test Dependent)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ (E1/E2) เท่ากับ 80.24/80.11
2. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.53046 นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 53.05
3. ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด ( x-bar=4.54)
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 2)เพื่อศึกษาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนหนองรีประชานิมิต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่าง 1 ห้องเรียน จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 18 แผน 3) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.50-0.75 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.48 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( x-bar) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละ (%) และการทดสอบค่าที (t-test Dependent)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ (E1/E2) เท่ากับ 80.24/80.11
2. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.53046 นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 53.05
3. ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เรื่อง Foreign Special Days เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด ( x-bar=4.54)