รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
เรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน
5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสาวจิตรนาถ ปานแก้ว
สถานศึกษา โรงเรียนวรนารีเฉลิม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน(SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 จำนวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย 6 รหัสวิชา ท23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ร้อยละของค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแบบฝึกทักษะตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 89.01/86.72 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และสอดคล้องกับสมมติฐานที่กำหนด
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 18.40 (Xbaar = 18.40, S.D. = 1.51) และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 34.69 (Xbar = 34.69, S.D. = 1.31) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สอดคล้องกับสมมติฐานที่กำหนด
3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (Xbar =4.62, S.D. = 0.87) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด จำนวน 8 ข้อ และระดับมาก จำนวน 2 ข้อ โดยข้อ 9 คำชี้แจงในการทำกิจกรรมแต่ละกิจกรรม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย มีระดับความพึงพอใจสูงสุด ( = 4.86 S.D. = 0.35) รองลงมาได้แก่ข้อ 5 ระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมในแบบฝึกทักษะ ชุดนี้มีความเหมาะสมในแต่ละกิจกรรม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป (Xbar = 4.73, S.D. = 0.46) และข้อ 6 เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบทดสอบ เริ่มจากง่ายไปหายาก ทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ และเข้าใจเนื้อหาได้ดีในที่สุด (Xbar = 4.70, S.D. = 0.47) ตามลำดับ
5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสาวจิตรนาถ ปานแก้ว
สถานศึกษา โรงเรียนวรนารีเฉลิม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน(SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 จำนวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย 6 รหัสวิชา ท23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ร้อยละของค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแบบฝึกทักษะตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 89.01/86.72 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และสอดคล้องกับสมมติฐานที่กำหนด
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 18.40 (Xbaar = 18.40, S.D. = 1.51) และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 34.69 (Xbar = 34.69, S.D. = 1.31) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สอดคล้องกับสมมติฐานที่กำหนด
3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการสอนอ่าน 5 ขั้นตอน (SQ3R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (Xbar =4.62, S.D. = 0.87) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด จำนวน 8 ข้อ และระดับมาก จำนวน 2 ข้อ โดยข้อ 9 คำชี้แจงในการทำกิจกรรมแต่ละกิจกรรม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย มีระดับความพึงพอใจสูงสุด ( = 4.86 S.D. = 0.35) รองลงมาได้แก่ข้อ 5 ระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมในแบบฝึกทักษะ ชุดนี้มีความเหมาะสมในแต่ละกิจกรรม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป (Xbar = 4.73, S.D. = 0.46) และข้อ 6 เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบทดสอบ เริ่มจากง่ายไปหายาก ทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ และเข้าใจเนื้อหาได้ดีในที่สุด (Xbar = 4.70, S.D. = 0.47) ตามลำดับ