การพัฒนาแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย นางประภัสสร สมเขาใหญ่
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจ หลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจ หลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ชุดอ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประชากร คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดคงคาวดี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 19 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน เรื่อง หลักภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดำเนินการทดลองโดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง(One-Group Pretest Posttest Design) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test one group ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.97/86.50
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักภาษา หลังใช้แบบฝึกทักษะ ชุด รู้รักษ์หลักภาษาไทย สูงกว่าก่อนใช้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา มีค่าเท่ากับ 0.7660 หมายความว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.60
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย นางประภัสสร สมเขาใหญ่
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจ หลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจ หลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ชุดอ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประชากร คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดคงคาวดี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 19 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน เรื่อง หลักภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดำเนินการทดลองโดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง(One-Group Pretest Posttest Design) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test one group ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.97/86.50
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักภาษา หลังใช้แบบฝึกทักษะ ชุด รู้รักษ์หลักภาษาไทย สูงกว่าก่อนใช้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา มีค่าเท่ากับ 0.7660 หมายความว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.60
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะ ชุด อ่านเขียนคำไทย ใส่ใจหลักภาษา กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก