การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ
ชื่อเรื่อง : การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย : นางฐานมญ โอฬารธนพร
คำสำคัญ : แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 18 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนอนุบาลงาว (ภาณุนิยม) ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต1 เครื่องมือที่ใช้วิจัย ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการอ่านจับใจความ จำนวน 21 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ร้อยละ (Percentage) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Devistion) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะโดยพิจารณาเกณฑ์ที่ผ่านร้อยละ 80% สถิติที่ใช้ ในการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test Dependent) ผลการวิจัยพบว่า
1.ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยสร้าง จำนวน 5 เล่ม มีประสิทธิภาพ E1/E2 มีค่าเท่ากับ 83.49/84.17 โดยแบบฝึกทักษะทุกเล่มสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด E1/E2 เท่ากับ 80/80
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าคะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.83 คิดเป็นร้อยละ 84.17 สูงกว่าคะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 8.50 คิดเป็นร้อยละ 42.50โดยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน(ร้อยละ41.67) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
ผู้วิจัย : นางฐานมญ โอฬารธนพร
คำสำคัญ : แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 18 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนอนุบาลงาว (ภาณุนิยม) ตำบลหลวงเหนือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต1 เครื่องมือที่ใช้วิจัย ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการอ่านจับใจความ จำนวน 21 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ร้อยละ (Percentage) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Devistion) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะโดยพิจารณาเกณฑ์ที่ผ่านร้อยละ 80% สถิติที่ใช้ ในการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test Dependent) ผลการวิจัยพบว่า
1.ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยสร้าง จำนวน 5 เล่ม มีประสิทธิภาพ E1/E2 มีค่าเท่ากับ 83.49/84.17 โดยแบบฝึกทักษะทุกเล่มสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด E1/E2 เท่ากับ 80/80
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าคะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.83 คิดเป็นร้อยละ 84.17 สูงกว่าคะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 8.50 คิดเป็นร้อยละ 42.50โดยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน(ร้อยละ41.67) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด