การพัฒนาชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช
ผู้ศึกษาวิจัย นางสาวนภกมล เถื่อนสมสี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียน โรงเรียนบ้านสำโรงหัวนาโนนจันทร์หอม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา มหาสารคาม เขต 3
บทคัดย่อ
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ทักษะที่เป็นพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการสอน คือ ทักษะการอ่าน ถือได้ว่าเป็นทักษะที่ยากทักษะหนึ่ง เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่มีผลต่อความสามารถในการอ่านที่เกี่ยวกับผู้อ่านโดยตรง เช่น ความรู้เดิม ความสนใจ วัตถุประสงค์ในการอ่าน และวิธีการหรือเทคนิคที่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้จึงก่อให้เกิดปัญหา ผู้เรียนไม่รักการอ่าน เพราะเมื่ออ่านแล้วไม่เข้าใจ สรุปและจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านไม่ได้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ขาดความกระตือรือร้น ทำให้ความสามารถในการอ่านลดลง และเกิดการไม่รักการอ่านในที่สุด ผู้วิจัยในฐานะผู้สอนจึงต้องหาวิธีการหรือเทคนิคที่ส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ จึงได้พัฒนาชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเสริมสร้างให้การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบKWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านสำโรงหัวนาโนนจันทร์หอม อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคามเขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 11 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ ชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 9 ชุด แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน จำนวน 18 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผลและการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t-test (Dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.07/86.97 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้ชุดฝึกเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบ KWL-Plus สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58