แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1
ชื่อเรื่องที่ศึกษา รายงานการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม
สาระการเรียนรุ้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวภัทรภร วงศ์แก้ว
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนชลประทานผาแตก ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีค่าตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ระบบจำนวนเต็มก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนชลประทานผาแตก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 1 จำนวน 27 คนโดยการสุ่มแบบกลุ่ม ( Cluster Random Samping ) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 จำนวน 6 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับการใช้ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating scale) จำนวน 10 ข้อและแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์เรื่องระบบจำนวนเต็ม จำนวน 12 แผน ใช้เวลาสอนรวม 24 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ ได้แก่ หาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกจากสูตร E1/E2 การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบค่าที ( t – test) สรุปผลการศึกษาได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนทั้งหมด 6 เล่ม มีค่าประสิทธิภาพ E /E เท่ากับ 88.20/86.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 22.11 คิดเป็นร้อยละ 55.28 และมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 34.44 คิดเป็นร้อยละ 86.11 เมื่อทำการทดสอบความแตกต่างของคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการทดสอบค่าที ( t – test) พบว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายการ รายการที่มีความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ยระดับมากที่สุด ได้แก่การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ด้วยการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะ
( = 4.75) รองลงมาได้แก่ ชุดฝึกทักษะมีการจัดทำรูปเล่ม และส่วนประกอบต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
( = 4.70) ชุดฝึกทักษะแต่ละชุดทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาเรื่องนั้นๆเป็นอย่างดี ( = 4.70) คำสั่งคำชี้แจง ภาษา ในชุดฝึกทักษะมีความชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย ( = 4.65) และชุดฝึกทักษะแต่ละชุดมีการเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยากและเป็นเนื้อหาที่มีความเหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของนักเรียน
( = 4.55) นอกนั้นมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
สาระการเรียนรุ้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวภัทรภร วงศ์แก้ว
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนชลประทานผาแตก ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีค่าตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ระบบจำนวนเต็มก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนชลประทานผาแตก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 1 จำนวน 27 คนโดยการสุ่มแบบกลุ่ม ( Cluster Random Samping ) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 จำนวน 6 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับการใช้ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating scale) จำนวน 10 ข้อและแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์เรื่องระบบจำนวนเต็ม จำนวน 12 แผน ใช้เวลาสอนรวม 24 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ ได้แก่ หาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกจากสูตร E1/E2 การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบค่าที ( t – test) สรุปผลการศึกษาได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนทั้งหมด 6 เล่ม มีค่าประสิทธิภาพ E /E เท่ากับ 88.20/86.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 22.11 คิดเป็นร้อยละ 55.28 และมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 34.44 คิดเป็นร้อยละ 86.11 เมื่อทำการทดสอบความแตกต่างของคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการทดสอบค่าที ( t – test) พบว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายการ รายการที่มีความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ยระดับมากที่สุด ได้แก่การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ด้วยการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะ
( = 4.75) รองลงมาได้แก่ ชุดฝึกทักษะมีการจัดทำรูปเล่ม และส่วนประกอบต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
( = 4.70) ชุดฝึกทักษะแต่ละชุดทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาเรื่องนั้นๆเป็นอย่างดี ( = 4.70) คำสั่งคำชี้แจง ภาษา ในชุดฝึกทักษะมีความชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย ( = 4.65) และชุดฝึกทักษะแต่ละชุดมีการเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยากและเป็นเนื้อหาที่มีความเหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของนักเรียน
( = 4.55) นอกนั้นมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก