ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21
ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย
ผลการศึกษาชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงรายเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.3 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงรายที่ผู้ศึกษาเป็นครูผู้สอนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 37 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ตัวแปรสำหรับการวิจัยครั้งนี้ ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบไปด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 จำนวน 8 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ โดยการหาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t–test (Dependent - Samples) ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.72/86.04 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D. = 0.57)
โดยสรุปชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเกณฑ์ที่เชื่อถือและยอมรับได้ สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแนะแนวเพื่อให้นักเรียนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตามที่ตั้งไว้
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย
ผลการศึกษาชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงรายเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.3 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงรายที่ผู้ศึกษาเป็นครูผู้สอนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 37 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ตัวแปรสำหรับการวิจัยครั้งนี้ ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบไปด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน ชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 จำนวน 8 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ โดยการหาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t–test (Dependent - Samples) ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.72/86.04 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D. = 0.57)
โดยสรุปชุดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพในทศวรรษที่ 21 ที่เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเกณฑ์ที่เชื่อถือและยอมรับได้ สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแนะแนวเพื่อให้นักเรียนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตามที่ตั้งไว้