การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช
ชื่อเรื่อง การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์
ผู้รายงาน นางสาววารินทร์ แสใจ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านทุ่งกอ
อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1
ปีที่รายงาน 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมสร้างสรรค์ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีต่อการใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ กลุ่มประชากรเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียนบ้านทุ่งกอ จำนวน 11 คน โดยดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือกิจกรรมสร้างสรรค์จำนวน 24 กิจกรรม แผนการจัดประสบการณ์กิจกรรมสร้างสรรค์จำนวน 24 แผน แบบทดสอบวัดความเชื่อมั่นในตนเอง แบบบันทึกพฤติกรรมความเชื่อมั่นในตนเอง และแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่า ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( )และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )
ผลการศึกษาพบว่า (1) ประสิทธิภาพของกิจกรรมสร้างสรรค์มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.58/85.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 (2) ผลการเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ปรากฏว่าหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 34.36 สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรม อย่างเห็นได้ชัดเจน (3) ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ปรากฏว่า นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจโดยรวมทั้ง 8 สัปดาห์ มีค่าตั้งแต่ 9 – 11 คน ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อยู่ในระดับความพึงพอใจในระดับมาก
ผู้รายงาน นางสาววารินทร์ แสใจ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านทุ่งกอ
อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1
ปีที่รายงาน 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมสร้างสรรค์ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีต่อการใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ กลุ่มประชากรเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียนบ้านทุ่งกอ จำนวน 11 คน โดยดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือกิจกรรมสร้างสรรค์จำนวน 24 กิจกรรม แผนการจัดประสบการณ์กิจกรรมสร้างสรรค์จำนวน 24 แผน แบบทดสอบวัดความเชื่อมั่นในตนเอง แบบบันทึกพฤติกรรมความเชื่อมั่นในตนเอง และแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่า ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( )และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )
ผลการศึกษาพบว่า (1) ประสิทธิภาพของกิจกรรมสร้างสรรค์มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.58/85.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 (2) ผลการเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ปรากฏว่าหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 34.36 สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรม อย่างเห็นได้ชัดเจน (3) ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ปรากฏว่า นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจโดยรวมทั้ง 8 สัปดาห์ มีค่าตั้งแต่ 9 – 11 คน ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อยู่ในระดับความพึงพอใจในระดับมาก