ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน
ชื่อเรื่อง ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางณัฐกฤตา บัวซ้อน ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองภูเก็ต ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน เป็นการเน้นให้ผู้เรียนรู้จักการดำเนินงาน หรือทำงานตามลำดับขั้นตอน ที่วางไว้อย่างเป็นระบบ เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย ได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง พัฒนาทักษะกระบวนกลุ่ม แสดงความสามารถตามศักยภาพของตน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติงานด้านอาชีพ ซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต การศึกษาค้นคว้านี้มีความมุ่งหมายเพื่อ (1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 , (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 , (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 44 คน โรงเรียนเทศบาลเมืองภูเก็ต สำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งได้มาโดยวิธีการเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน จำนวน 9 แผน ใช้เวลาสอน 20 ชั่วโมง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.83 (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.34 ถึง 0.97 ค่าความยาก (P) ตั้งแต่ 0.31 ถึง 0.89 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.97 (3) แบบประเมินกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ จำนวน 20 ข้อ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72 (4) แบบวัดความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.52 ถึง 0.72 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 85.52/83.36 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์
ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่า เท่ากับ 0.7558
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์
ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี มีค่าความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 75.58 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน อยู่ในระดับมาก
จากการบันทึกผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ พบว่า นักเรียนมีความสุขกับการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ทุกคนมีส่วนร่วมในการคิด การทำกิจกรรม การวัดผลและประเมินผล ทั้งส่วนตัวและกระบวนการกลุ่ม นักเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เป็นคนมีคุณธรรม จริยธรรม จนทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีทักษะการเรียนรู้ที่ดีขึ้น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง มีทักษะในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้น
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางณัฐกฤตา บัวซ้อน ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองภูเก็ต ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน เป็นการเน้นให้ผู้เรียนรู้จักการดำเนินงาน หรือทำงานตามลำดับขั้นตอน ที่วางไว้อย่างเป็นระบบ เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย ได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง พัฒนาทักษะกระบวนกลุ่ม แสดงความสามารถตามศักยภาพของตน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติงานด้านอาชีพ ซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต การศึกษาค้นคว้านี้มีความมุ่งหมายเพื่อ (1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 , (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 , (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 44 คน โรงเรียนเทศบาลเมืองภูเก็ต สำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งได้มาโดยวิธีการเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน จำนวน 9 แผน ใช้เวลาสอน 20 ชั่วโมง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.83 (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.34 ถึง 0.97 ค่าความยาก (P) ตั้งแต่ 0.31 ถึง 0.89 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.97 (3) แบบประเมินกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ จำนวน 20 ข้อ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72 (4) แบบวัดความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.52 ถึง 0.72 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 85.52/83.36 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์
ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่า เท่ากับ 0.7558
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์
ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี มีค่าความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 75.58 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน อยู่ในระดับมาก
จากการบันทึกผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ พบว่า นักเรียนมีความสุขกับการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ทุกคนมีส่วนร่วมในการคิด การทำกิจกรรม การวัดผลและประเมินผล ทั้งส่วนตัวและกระบวนการกลุ่ม นักเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เป็นคนมีคุณธรรม จริยธรรม จนทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้จากผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีทักษะการเรียนรู้ที่ดีขึ้น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง มีทักษะในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้น