การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย
ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล
วิชา พ23102 วอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นายธีระพันธ์ พรรสุวรรณ
ปีที่รายงาน 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจุดมุ่งหมายการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาผลการทดสอบการปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ การเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเพชรวิทยาคาร สังกัดกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 39 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purpossive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ( สาระพลศึกษา ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยค่า E1/E2 ผลการทดสอบการปฏิบัติ โดยใช้ค่าร้อยละ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนกับหลังเรียน โดยใช้ค่า t-test และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ ระหว่างเรียน E1/E2 เท่ากับ 85.33/83.16 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเพชรวิทยาคาร สังกัดกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการทดสอบการปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระ การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า คะแนนทดสอบ การปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 87.11 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 80 ที่กำหนดไว้
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 4.25 นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
วิชา พ23102 วอลเลย์บอล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นายธีระพันธ์ พรรสุวรรณ
ปีที่รายงาน 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจุดมุ่งหมายการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาผลการทดสอบการปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ การเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเพชรวิทยาคาร สังกัดกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 39 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purpossive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ( สาระพลศึกษา ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยค่า E1/E2 ผลการทดสอบการปฏิบัติ โดยใช้ค่าร้อยละ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนกับหลังเรียน โดยใช้ค่า t-test และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อแบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ ระหว่างเรียน E1/E2 เท่ากับ 85.33/83.16 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเพชรวิทยาคาร สังกัดกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการทดสอบการปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระ การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า คะแนนทดสอบ การปฏิบัติโดยใช้แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 87.11 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 80 ที่กำหนดไว้
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สาระพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 4.25 นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก