ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโด
เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นางกาญจนา ชมภูชิต
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านพุพรหม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 15 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนบ้านพุพรหม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4 ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบทำการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pretest - Posttest Design) ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รายวิชางานเกษตร รหัสวิชา ง15101 กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี 2) บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.25 - 0.72 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.28 - 0.91 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.78 – 0.94 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้สถิติ Nonparametric แบบ Wilcoxon Matched -Pairs Signed-Ranks Test
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.36/83.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.62 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 62
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว หลังจากเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56, S.D.=0.55) ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 15 นักเรียนรู้สึกภาคภูมิใจในการทำเกษตรกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.80, S.D. = 0.41) รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD ทำให้นักเรียนเข้าใจวิชาเกษตรมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D. = 0.46) รองลงมาคือ ด้านที่ 3 บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD ทำให้เกิดทักษะในการใช้เครื่องมือการเกษตรและการปลูกพืชผัก อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D.= 0.46) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 12 นักเรียนทราบผลการเรียนรู้ของตนเองตลอดเวลา อยู่ในระดับมาก ( = 4.07, S.D. = 0.59)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิคแบบ STAD ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป