รายงานการพัฒนาชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา
บทคัดย่อ
ชื่อผลงาน รายงานการพัฒนาชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา
และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่
ผู้ศึกษา นางณัฐิยา อาษา
ปีที่ศึกษา 2559
……………………………………………………………………………………………………….
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรมของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ก่อนและหลังการใช้ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ที่มีต่อการเรียน วิชา สังคมศึกษา โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม
ประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัด-กระบี่สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 143 คน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ใช้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่จำนวน 37 คน แบบแผนการศึกษาใช้แบบวิจัยกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pre-test - Post-test Design) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน ใช้เวลาสอน 20 ชั่วโมง 2) ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชา นุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ จำนวน 7 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
และหลังเรียน เป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัด-กระบี่ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x-bar ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าร้อยละ (Percentage) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของเครื่องมือ ได้แก่ หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) หาค่าความ
ยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) หาค่าความเชื่อมั่น (Realability) หาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ( E1)( E2) และสถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใช้การทดสอบค่าที (t – test)
ผลการศึกษาพบว่า 1) ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนาและหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.52/83.64 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ หลังการเรียนโดยใช้ชุดการสอน สูงกว่าก่อนการเรียนโดยใช้ชุดการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (ค่า t = 18.76) 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ มีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชา สังคมศึกษา โดยใช้ ชุดการสอน เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย (x-bar ) = 4.73 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) = 0.58
ชื่อผลงาน รายงานการพัฒนาชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา
และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่
ผู้ศึกษา นางณัฐิยา อาษา
ปีที่ศึกษา 2559
……………………………………………………………………………………………………….
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรมของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ก่อนและหลังการใช้ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ที่มีต่อการเรียน วิชา สังคมศึกษา โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม
ประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัด-กระบี่สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 143 คน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ใช้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่จำนวน 37 คน แบบแผนการศึกษาใช้แบบวิจัยกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pre-test - Post-test Design) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน ใช้เวลาสอน 20 ชั่วโมง 2) ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชา นุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ จำนวน 7 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
และหลังเรียน เป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัด-กระบี่ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x-bar ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าร้อยละ (Percentage) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของเครื่องมือ ได้แก่ หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) หาค่าความ
ยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) หาค่าความเชื่อมั่น (Realability) หาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ( E1)( E2) และสถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใช้การทดสอบค่าที (t – test)
ผลการศึกษาพบว่า 1) ชุดการสอนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนาและหลักธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.52/83.64 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา สังคมศึกษา เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ หลังการเรียนโดยใช้ชุดการสอน สูงกว่าก่อนการเรียนโดยใช้ชุดการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (ค่า t = 18.76) 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ มีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชา สังคมศึกษา โดยใช้ ชุดการสอน เรื่อง พระพุทธศาสนา และหลักธรรม ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย (x-bar ) = 4.73 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) = 0.58