รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียน
ชื่องานวิจัย รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน นางสาวธนกร คงพัวะ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนวังโป่งดำรงวิทย์ อำเภอทองแสนขัน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวังโป่งดำรงวิทย์ อำเภอทองแสนขัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 13 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ จำนวน 6 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ จำนวน 20 ข้อ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ จำนวน 10 ข้อ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สูตร E1/E2 เพื่อทดสอบหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ และวิเคราะห์พัฒนาการทางด้านความรู้ของนักเรียนด้วยการใช้ค่าสถิติที (t–test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพ 83.14 / 81.54
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนที่เรียนโดยใช้
แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่าสถิติที เท่ากับ 14.70
ซึ่งผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนในการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า
คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x- = 4.80 , S.D. = 0.37)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน นางสาวธนกร คงพัวะ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนวังโป่งดำรงวิทย์ อำเภอทองแสนขัน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวังโป่งดำรงวิทย์ อำเภอทองแสนขัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 13 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ จำนวน 6 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ จำนวน 20 ข้อ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ จำนวน 10 ข้อ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สูตร E1/E2 เพื่อทดสอบหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ และวิเคราะห์พัฒนาการทางด้านความรู้ของนักเรียนด้วยการใช้ค่าสถิติที (t–test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพ 83.14 / 81.54
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนที่เรียนโดยใช้
แบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่าสถิติที เท่ากับ 14.70
ซึ่งผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนในการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า
คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่านจับใจความ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x- = 4.80 , S.D. = 0.37)