รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง
ผู้รายงาน นางสุจิน มารัมย์
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 2 “อิสาณธีรวิทยาคาร” สังกัดกองการศึกษา
เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานผลการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง เลขยกกำลัง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ประชากรได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล 2 “อิสาณธีรวิทยาคาร” สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 80 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง จำนวน 13 ชุด แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 13 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง รวม 13 ชั่วโมง แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เลขยกกำลัง จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสารการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง เป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1. คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการเรียนการสอนระหว่างเรียนโดยใช้
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ทั้ง 13 ชุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.47 จากคะแนนเต็ม 30 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.50 คิดเป็นร้อยละ 84.90 แสดงว่าค่าประสิทธิภาพของกระบวนการในการเรียน มีค่าเท่ากับ 84.90 และคะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่า เฉลี่ย เท่ากับ 24.80 จากคะแนนเต็ม 30 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.54 คิดเป็น ร้อยละ 82.67 แสดงว่าค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ในการเรียน มีค่าเท่ากับ 82.67 ดังนั้นแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่ผู้รายงานพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.90/82.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
2. คะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 24.80 จากคะแนนเต็ม 30 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.54 คิดเป็นร้อยละ 82.67 แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.38 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.22 โดยรวมอยู่ในระดับมาก
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง
ผู้รายงาน นางสุจิน มารัมย์
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 2 “อิสาณธีรวิทยาคาร” สังกัดกองการศึกษา
เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานผลการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง เลขยกกำลัง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ประชากรได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล 2 “อิสาณธีรวิทยาคาร” สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 80 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง จำนวน 13 ชุด แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 13 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง รวม 13 ชั่วโมง แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เลขยกกำลัง จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสารการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง เป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1. คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการเรียนการสอนระหว่างเรียนโดยใช้
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ทั้ง 13 ชุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.47 จากคะแนนเต็ม 30 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.50 คิดเป็นร้อยละ 84.90 แสดงว่าค่าประสิทธิภาพของกระบวนการในการเรียน มีค่าเท่ากับ 84.90 และคะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่า เฉลี่ย เท่ากับ 24.80 จากคะแนนเต็ม 30 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.54 คิดเป็น ร้อยละ 82.67 แสดงว่าค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ในการเรียน มีค่าเท่ากับ 82.67 ดังนั้นแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่ผู้รายงานพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.90/82.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
2. คะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 24.80 จากคะแนนเต็ม 30 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.54 คิดเป็นร้อยละ 82.67 แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.38 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.22 โดยรวมอยู่ในระดับมาก