KRUWANDEE

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยใช้ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 และตั้งค่าเป้าหมาย E1/E2 = 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/4 โรงเรียนปลวกแดงพิทยาคม อำเภอ ปลวกแดง จังหวัดระยอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 18 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวนทั้งสิ้น 33 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน เรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กิจกรรม แบบฝึกหัด แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบค่าทีแบบข้อมูลไม่เป็นอิสระต่อกัน (dependent samples t-test)
    ผลการวิจัยพบว่า
    1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.86/81.45 ซึ่งสูงกว่าค่าเป้าหมาย 80/80 ที่ตั้งไว้
    2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
    3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่องการเขียนโปรแกรมเกม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก