การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจ เรื่อง แรงและความดัน
ชื่อเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจ เรื่อง แรงและความดัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5 Es)
ผู้วิจัย นายฤชากร ใจสันติ
ปีที่วิจัย 2557
บทคัดย่อ
การวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและความดัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เทียบกับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบไม่เข้าขั้นการทดลอง(Pre-experimental research) รูปแบบการวิจัยเป็นแบบ One-shot Case Studyกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลสันป่ายางหลวง สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองลำพูน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) จำนวน 13 แผน ใช้เวลาการสอน 18 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 2.1)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและความดัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.50 – 0.67 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.24 – 0.68 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.76 และ 2.2) แบบสอบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า(Rating scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ค่าเฉลี่ย (xˉ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และร้อยละ (%)
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ ร้อยละ 70 ขึ้นไป จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 84.00 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด(xˉ = 4.68 S.D. = 0.47)
ผู้วิจัย นายฤชากร ใจสันติ
ปีที่วิจัย 2557
บทคัดย่อ
การวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและความดัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เทียบกับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบไม่เข้าขั้นการทดลอง(Pre-experimental research) รูปแบบการวิจัยเป็นแบบ One-shot Case Studyกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลสันป่ายางหลวง สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองลำพูน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) จำนวน 13 แผน ใช้เวลาการสอน 18 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 2.1)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและความดัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.50 – 0.67 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.24 – 0.68 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.76 และ 2.2) แบบสอบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า(Rating scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ค่าเฉลี่ย (xˉ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และร้อยละ (%)
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ ร้อยละ 70 ขึ้นไป จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 84.00 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด(xˉ = 4.68 S.D. = 0.47)