รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ส
และพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่6 โรงเรียนบ้านขุนแตะ อำภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ผู้รายงาน สุรินทร์ ปินนะสุ
ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะฟุตซอล ขั้นพื้นฐาน 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนโดยการใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขุนแตะ จำนวน 12 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐานจำนวน 10 แบบฝึก 2) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้ทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน จำนวน 12 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน 4) แบบประเมินทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าประสิทธิภาพ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกแบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 78.59/78.75 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้
2. ผลการเปรียบเทียบสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.00 คิดเป็นร้อยละ 30.00 และหลังเรียนเท่ากับ 15.75 คิดเป็นร้อยละ 78.75 มีคะแนนความก้าวหน้า เท่ากับ 9.75 คิดเป็นร้อยละ 48.75 แสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. ผลการเปรียบเทียบผลการประเมินทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐานของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นประถมศึกาปีที่ 6 พบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 56.33 คิดเป็นร้อยละ 48.15 และหลังเรียนเท่ากับ 91.08 คิดเป็นร้อยละ 77.85 แสดงว่าผลการประเมินทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐานของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษาชั้นประถมศึกาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะฟุตซอลขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (m = 4.04 ) รายการที่นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดคือ กิจกรรมมีความน่าสนใจ และแปลกใหม่ (m = 4.50 ) รองลงมาคือ ความเหมาะสมกับเวลาที่ใช้ในการเรียนการสอน (m = 4.33 ) และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ (m = 4.17 ) ตามลำดับ