การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1
ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ผู้วิจัย นางสยามนต์ บุญชิต ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่พิมพ์ 2559
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพบริบท ความต้องการจำเป็นในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 2 คน ครูผู้สอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 คน ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 20 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 72 คน รวม 109 คน ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงพัฒนา แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาสภาพบริบทความต้องการจำเป็นในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ระยะ ที่ 2 เป็นการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎี การสร้างความรู้ด้วยตนเอง และระยะ ที่ 3 เป็นการทดลองใช้และประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
ผลการวิจัยพบว่า
1. โดยภาพรวมโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคีมีความพร้อมของบริบทโรงเรียนใน การใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองอยู่ในระดับมาก และความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมมีความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองตามความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ตามบริบทและความต้องการจำเป็นของโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี โดยผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ประยุกต์เอาขั้นตอนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง 5 ขั้นตอนมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทดลองภาคสนาม โดยการนำชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 32 คน พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการของชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (E1) เท่ากับ 84.41 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 83.28 และเมื่อดำเนินการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบมีความเหมาะสมสามารถนำไปใช้ได้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบในการจัดการเรียนการสอน ทั้ง 8 แผนการจัดการเรียนรู้และ 8 ชุดกิจกรรม พบว่า นักเรียนมีความกระตือรือร้น มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนมี การปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนด้วยกัน มีกระบวนการกลุ่ม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างดีและมีคะแนนการทดสอบย่อยหลังเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ในทุกชุดกิจกรรม
4. ผลการประเมินรูปแบบพิจารณาจากผลต่างคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการประเมินการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้การสร้างความรู้ด้วยตนเองจากการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ด้วยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ทั้ง 6 กลุ่ม โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบว่า มีจำนวน 4 กลุ่ม จาก 6 กลุ่มที่มีความเหมาะสมในการสร้างความรู้ด้วยตนเองอยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 2 ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายชุด พบว่า ชุดกิจกรรมที่ 3 นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมที่สุด และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1
ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ผู้วิจัย นางสยามนต์ บุญชิต ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่พิมพ์ 2559
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพบริบท ความต้องการจำเป็นในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 2 คน ครูผู้สอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 คน ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 20 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 72 คน รวม 109 คน ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงพัฒนา แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาสภาพบริบทความต้องการจำเป็นในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ระยะ ที่ 2 เป็นการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎี การสร้างความรู้ด้วยตนเอง และระยะ ที่ 3 เป็นการทดลองใช้และประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
ผลการวิจัยพบว่า
1. โดยภาพรวมโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคีมีความพร้อมของบริบทโรงเรียนใน การใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองอยู่ในระดับมาก และความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวมมีความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองตามความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ตามบริบทและความต้องการจำเป็นของโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี โดยผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ประยุกต์เอาขั้นตอนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง 5 ขั้นตอนมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทดลองภาคสนาม โดยการนำชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 32 คน พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการของชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (E1) เท่ากับ 84.41 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 83.28 และเมื่อดำเนินการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบมีความเหมาะสมสามารถนำไปใช้ได้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบในการจัดการเรียนการสอน ทั้ง 8 แผนการจัดการเรียนรู้และ 8 ชุดกิจกรรม พบว่า นักเรียนมีความกระตือรือร้น มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนมี การปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนด้วยกัน มีกระบวนการกลุ่ม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างดีและมีคะแนนการทดสอบย่อยหลังเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ในทุกชุดกิจกรรม
4. ผลการประเมินรูปแบบพิจารณาจากผลต่างคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการประเมินการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้การสร้างความรู้ด้วยตนเองจากการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ด้วยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ทั้ง 6 กลุ่ม โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบว่า มีจำนวน 4 กลุ่ม จาก 6 กลุ่มที่มีความเหมาะสมในการสร้างความรู้ด้วยตนเองอยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 2 ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายชุด พบว่า ชุดกิจกรรมที่ 3 นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมที่สุด และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 1 ท33205 โดยใช้ชุดกิจกรรมส่งเสริมการเขียนนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด