ผลการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นายธวัชชัย วงค์อุตส่าห์
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 มีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ .50 ขึ้นไป เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล 3 ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย มีทั้งหมด 2 ห้องเรียน รวมทั้งหมด 79 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนเทศบาล 3
ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) จำนวน 1 ห้องเรียน นักเรียน 38 คน ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบ
One Group Pretest – Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต แผนการจัดการเรียนรู้ แบบสอบถามความพึงพอใจสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผล และการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
ผลการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องพระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 3 ยุวบูรณ์บำรุง จังหวัดหนองคาย กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเทศบาล 3 ยุวบูรณ์บำรุง จังหวัดหนองคาย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 สามารถสรุปผลการดำเนินการได้ดังนี้
1. ผลการหาประสิทธิภาพและดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องพระไตรปิฎก
และพุทธศาสนสุภาษิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 3 ยุวบูรณ์บำรุง จังหวัดหนองคาย ที่สร้างขึ้นสรุปได้ว่า บทเรียนสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพ และดัชนีประสิทธิผล ดังนี้
- การทดลองแบบเดี่ยวได้ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป
คือ E1/E2 = 80.28/81.11 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ( E.I. ) เท่ากับ .62
- การทดลองแบบกลุ่มเล็ก ได้ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป
คือ E1/E2 = 81.67/80.37 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ( E.I. ) เท่ากับ .55
- การทดลองภาคสนาม ได้ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป
คือ E1/E2 = 84.39/83.41 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ( E.I. ) เท่ากับ .63
- กลุ่มตัวอย่าง ได้ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป
คือ E1/E2 = 84.63/82.37 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ( E.I. ) เท่ากับ .60 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนโดยใช้บทเรียน
สำเร็จรูป วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องพระไตรปิฎกและศาสนสุภาษิต คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนเท่ากับ 16.71 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของนักเรียนเท่ากับ 24.71 พบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนกับคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องพระไตรปิฎก
และพุทธศาสนสุภาษิต มีความพึงพอใจในการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด