รูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม
ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
ผู้วิจัย เพ็ญศรี จันทร์พาหิรกิจ
สถานที่ โรงเรียนงัวบาวิทยาคม
ปีที่วิจัย 2559
บทคัดย่อ
รูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ด้วยกระบวนการวิจัย เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย1) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม 2) เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคมด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคมด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ประชากรที่ใช้ในการวิจัย 1) ครูโรงเรียน งัวบาวิทยาคม จำนวน 24 คน ปีการศึกษา 2559 2) นักเรียนโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ปีการศึกษา 2559 จำนวน 320 คน 3) คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 15 คน 4) ผู้ปกครองเครือข่าย จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัย 1) แบบสอบถามสภาพและปัญหาการพัฒนาการบริหารงานวิชาการ จำนวน 4 ฉบับ 2) แบบสอบถามความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานวิชาการ 3) คู่มือประกอบ การดำเนินงานตามรูปแบบการบริหารงานวิชาการ 4) แบบสอบถามความเหมาะสมของคู่มือ การดำเนินงานตามรูปแบบการบริหารงานวิชาการ และ 5) แบบประเมินความพึงพอใจ จากกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 4 ฉบับ
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพและปัญหาของการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนงัวบาวิทยาคม พบว่า การศึกษาสภาพและปัญหา โดยการวิเคราะห์เนื้อหาของเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบขอบข่ายของงานวิชาการ 7 ขอบข่าย ผู้นำทางวิชาการ การพัฒนาทีมงานวิชาการในสถานศึกษา การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และผลการศึกษาสภาพและปัญหาโดยใช้แบบสอบถาม ครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง พบว่าโดยภาพรวมความคิดเห็นของครูอยู่ในระดับ ปานกลาง
( =2.47) ความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ในระดับ ปานกลาง ( =3.20) ความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาอยู่ในระดับ ปานกลาง ( =3.50)ความคิดเห็นของผู้ปกครองอยู่ในระดับ ปานกลาง
( =3.72)
2. ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพบว่า องค์ประกอบของรูปแบบฯ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ขอบข่ายของงานวิชาการ 2) ผู้นำทางวิชาการ3) การพัฒนาทีมงานวิชาการ ในสถานศึกษา 4) การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ผลตรวจสอบความตรงและความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการพบว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับขอบข่ายวิชาการอยู่ในระดับ มาก ( =4.12) ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำทางการเรียนการสอน อยู่ในระดับ มาก ( =4.15) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาทีมงานวิชาการ อยู่ในระดับ มาก ( =4.08) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมอยู่ในระดับ มาก ( =4.15) และผล การประเมินความเหมาะสมของคู่มือการดำเนินงานตามรูปแบบฯ พบว่า ความคิดเห็นอยู่ในระดับ มาก ( =4.17)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพบว่า รอบที่ 1 วันที 16 พฤษภาคม –30 กันยายน 2559 ประชุมสรุปผลในวันที่ 30 กันยายน 2559 และรอบที่ 2 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 –31 มีนาคม 2560 ประชุมเพื่อสรุปผลในวันที่ 24 มีนาคม 2560 พบว่า1)ผลการปฏิบัติงานตามแนวทางภารกิจและขอบข่ายงานวิชาการได้แก่ การวางแผนงานวิชาการ การบริหารงานวิชาการ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การพัฒนาและส่งเสริมทางด้านวิชาการ การวัดผลและประเมินผลการเรียนและงานทะเบียนนักเรียน การแนะแนวการศึกษา และการประเมินผล2) ผู้นำทางวิชาการ ได้ดำเนินตามกิจกรรมย่อยดังนี้ กำหนดวิสัยทัศน์ด้านการจัดการศึกษาหลักการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องใช้หลักธรรมชาติใช้ยุทธศาสตร์ความแตกต่างทางความคิดเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญยึดหลัดการเปลี่ยนแปลงการสื่อสาร3) การทำงานเป็นทีมงานวิชาการ ฝึกทักษะ5 ขั้นตอนได้แก่ การรับรู้และค้นหาปัญหาการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การวางแผนปฏิบัติการ การนำแผนไปปฏิบัติ และการประเมินผลลัพธ์
4. ผลการประเมินความพึงพอใจผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนงัวบาวิทยาคม ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม พบว่า 1) ความพึงพอใจ ของครูผู้สอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( = 4.23) 2)ความพึงพอใจของนักเรียน โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก ( = 4.37) 3) ความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.53) 4) ความพึงพอใจของผู้ปกครอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( = 4.13) 5) ความพึงพอใจ โดยภาพรวมความอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.57)