เผยแพร่ผลงาน
เรื่องที่รายงาน รายงานผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้รายงาน นางสาวระพีพรรณ กันฑะวงค์ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านดอน (ศรีเสริมกสิกร) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ (3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียน บ้านดอน (ศรีเสริมกสิกร) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ปีการศึกษา 2559 จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับจำนวนและการดำเนินการ จำนวน 2 เล่ม ประกอบด้วย การคูณทศนิยม และการหารทศนิยม, แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, แบบทดสอบท้ายบทเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ
ได้รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน แบบทดสอบท้ายบทเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุแบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ และค่าสัมประสิทธิ์ของการกระจาย สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ ค่า t-test แบบ Dependent–Samples t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 88.74/89.71 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับความรู้จากแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
ชื่อผู้รายงาน นางสาวระพีพรรณ กันฑะวงค์ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านดอน (ศรีเสริมกสิกร) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ (3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียน บ้านดอน (ศรีเสริมกสิกร) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ปีการศึกษา 2559 จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับจำนวนและการดำเนินการ จำนวน 2 เล่ม ประกอบด้วย การคูณทศนิยม และการหารทศนิยม, แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, แบบทดสอบท้ายบทเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ
ได้รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน แบบทดสอบท้ายบทเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุแบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ และค่าสัมประสิทธิ์ของการกระจาย สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ ค่า t-test แบบ Dependent–Samples t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 88.74/89.71 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับความรู้จากแบบฝึกทักษะ เรื่อง การคูณและการหารทศนิยม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาโมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด