เผยแพร่ผลงานวชาการครูดุษฎี บุตรบุรี
ผู้รายงาน นางสาวดุษฎี บุตรบุรี
สังกัด โรงเรียนอุเทนพัฒนา อาเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผัง สรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จานวน 4 เล่ม คือ เล่มที่ 1 Introduction to Story Mapping เล่มที่ 2 Story Sequence (การวิเคราะห์วิธีการดาเนินเรื่อง) เล่มที่ 3 Story Character (การวิเคราะห์ตัวละครของเรื่อง) เล่มที่ 4 Story Theme (การวิเคราะห์แก่นของเรื่อง)
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและตรวจสอบประสิทธิภาพของแบบฝึก ทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 75/75 2) ศึกษาประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) ตามเกณฑ์ดัชนี ประสิทธิผลตั้งแต่ร้อยละ 50 3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษก่อนเรียนและ หลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (StoryMapping)4)ศึกษาเจตคตขิองนักเรียนที่มตี่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 จานวน 34 คน ที่เรียนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา
อ 32101 จานวน 1 หน่วยกิต ซึ่งได้มาโดยวิธีสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้ เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การอ่านคิดวิเคราะห์ ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง 3) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการ อ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping)
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ ค่าที (t-test) แบบ Dependent Samples ผลการวิจัย พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผัง สรุปโยงเรื่อง(Story Mapping) ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ81.79/82.35 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ที่กาหนดไว้ คือ 75/75
2. ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผัง สรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีดัชนีประสิทธิผลร้อยละ 66.85
3. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ การอ่านคิดวิเคราะห์ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .01
4. เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคแผนผังสรุปโยงเรื่อง (Story Mapping) มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 อยู่ใน ระดับมากที่สุด