การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหาที่จัดการเรียน
หัวข้อการศึกษา การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา
ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา อุษณี สุนทรภักดี
ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึก เสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ทางการเรียนของผู้เรียน ก่อนและหลังเรียน ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผู้ศึกษาดำเนินการสร้างแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนเทศบาล 1 วัดแก่นเหล็ก (รัตนกะลัสอนุสรณ์) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 1 ห้องเรียน มีผู้เรียน 29 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental design) ผู้ศึกษาดำเนินการทดลองตามรูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดซ้ำสองครั้ง (One group Pretest-Posttest Design)เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ การแก้โจทย์ปัญหา เป็นแบบปรนัย 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ แบบอัตนัย 2 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระ และค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีทั้งหมด 5 เล่ม มีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 84.56/87.50
2. ผู้เรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยจากเดิม 15.65 เพิ่มเป็น 26.07
3. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.7260 หรือคิดเป็นร้อยละ 0.73 สูงกว่าเกณฑ์ คือ ร้อยละ 50 ขึ้นไป
ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา อุษณี สุนทรภักดี
ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึก เสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ทางการเรียนของผู้เรียน ก่อนและหลังเรียน ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผู้ศึกษาดำเนินการสร้างแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนเทศบาล 1 วัดแก่นเหล็ก (รัตนกะลัสอนุสรณ์) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 1 ห้องเรียน มีผู้เรียน 29 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental design) ผู้ศึกษาดำเนินการทดลองตามรูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดซ้ำสองครั้ง (One group Pretest-Posttest Design)เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ การแก้โจทย์ปัญหา เป็นแบบปรนัย 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ แบบอัตนัย 2 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระ และค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีทั้งหมด 5 เล่ม มีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 84.56/87.50
2. ผู้เรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยจากเดิม 15.65 เพิ่มเป็น 26.07
3. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ การแก้โจทย์ปัญหา ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.7260 หรือคิดเป็นร้อยละ 0.73 สูงกว่าเกณฑ์ คือ ร้อยละ 50 ขึ้นไป