รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ม.3
ชื่อเรื่อง รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ใน
ชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี
จังหวัดมุกดาหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ผู้ศึกษา นางกัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 จำนวน 34 คน กำลังเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน 2) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มี ค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.54 ถึง 0.79 และ มีค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.39 ถึง 0.82 และค่า ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 4) แบบวัดความ พึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ ค่า t – test
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 83.63 / 84.34 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75 / 75 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7337 หรือคิดเป็น ร้อยละ 73.37
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจในการเรียนในภาพรวมเฉลี่ย 4.69 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
ชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี
จังหวัดมุกดาหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ผู้ศึกษา นางกัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) หาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิต ประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนคำชะอีพิทยาคม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 จำนวน 34 คน กำลังเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน 2) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มี ค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.54 ถึง 0.79 และ มีค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.39 ถึง 0.82 และค่า ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 4) แบบวัดความ พึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ ค่า t – test
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 83.63 / 84.34 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75 / 75 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7337 หรือคิดเป็น ร้อยละ 73.37
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจในการเรียนในภาพรวมเฉลี่ย 4.69 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด