รายงานการพัฒนาชุดฝึกทักษะ เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ม.5
รายงานฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างขึ้น ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
(2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์
เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ค32201 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 48 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) ชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าซึ่งมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.29-0.78 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.27-0.61 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ เท่ากับ 0.84 และ (3) แบบสอบถามความคิดเห็น แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.38-0.76 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษา ปรากฏผลดังนี้
1. ประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 87.27/86.46 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 28 ปีการศึกษา 2559 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ปีการศึกษา 2559 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.44)
(2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์
เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ค32201 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 48 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) ชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าซึ่งมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.29-0.78 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.27-0.61 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ เท่ากับ 0.84 และ (3) แบบสอบถามความคิดเห็น แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.38-0.76 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษา ปรากฏผลดังนี้
1. ประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 87.27/86.46 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 28 ปีการศึกษา 2559 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ปีการศึกษา 2559 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 3 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ ในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.44)