รายงานการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ด้านวิชาการภายในโรงเรียนเทศบาล 2
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ด้านวิชาการภายในโรงเรียนเทศบาล 2
(สหกรณ์สมทบ) อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ศึกษา นายวรพจน์ บดสันเทียะ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
โรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ)
ปีที่พิมพ์ 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการภายในโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยห้องสมุด ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และห้องปฏิบัติการดนตรีและนาฏศิลป์ ดำเนินการโดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) ประกอบด้วยการวางแผน (Planning) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต (Observation) และการสะท้อนผล (Reflection) กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าและให้ข้อมูลจำนวน 11 คน ประกอบด้วยผู้ศึกษาค้นคว้า ครูผู้สอน จำนวน 10 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจำนวน 401 คน คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 384 คน ครูผู้สอน ที่ไม่ใช่รับผิดชอบแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) จำนวน 17 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นบุคคลภายนอกโรงเรียน จำนวน 13 คน รวม 37 คน ใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาคือการประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือการนิเทศกำกับ ติดตามและกิจกรรมการมีส่วนร่วมเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึก แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม การตรวจสอบข้อมูลใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (Triangulation Technique) และข้อมูลเชิงปริมาณใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าโดยวิธีพรรณนา
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการในวงรอบที่ 1 โดยใช้ กลยุทธ์การประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือและการนิเทศกำกับติดตาม ทำให้ผู้ร่วมศึกษาค้นคว้ามีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนดียิ่งขึ้น มีการจัดสภาพแวดล้อมให้แต่ละแหล่งการเรียนรู้มีสภาพเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยและพอเพียง และจัดตารางการใช้และข้อตกลงแหล่งเรียนรู้อย่างชัดเจน ยังต้องปรับปรุงพัฒนาอีกต่อไป คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมศักยภาพด้านวิชาการให้แก่ผู้เรียน จึงมีการดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 2 โดยใช้กลยุทธ์การมีส่วนร่วม โดยจัดกิจกรรมเสริมศักยภาพทางวิชาการแก่นักเรียน อาทิเช่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ได้แก่ เล่านิทาน ว่างจากงานอ่านทุกคน แข่งขันตอบปัญหา ห้องสมุดเคลื่อนที่ค่ายการอ่านแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมยอดนักอ่าน เสียงตามสาย วันสำคัญ นิทรรศการ กิจกรรมวันวิทยาศาสตร์ การตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ การตอบปัญหาภาษาอังกฤษ การกล่าว สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ และการแข่งขันทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เป็นต้น ส่งผลให้นักเรียนเกิด ความพึงพอใจในการเรียน อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาตนเอง มีทักษะในการเรียนรู้และสนับสนุนให้ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น
โดยสรุป การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการในโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ)อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้กลยุทธ์การประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือการนิเทศกำกับติดตามและกิจกรรมการมีส่วนร่วม ทำให้โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ที่มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ประกอบ การเรียนการสอน สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูและนักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้อย่างคุ้มค่า และเป็นการเพิ่มศักยภาพตนเองทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์และด้านสังคม และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปีการศึกษา 2556 สูงกว่าปีการศึกษาที่ผ่านมาอย่างชัดเจน จึงควรสนับสนุนส่งเสริมให้นำกลยุทธ์ดังกล่าวไปใช้พัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนอื่น ๆ ต่อไป
(สหกรณ์สมทบ) อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ศึกษา นายวรพจน์ บดสันเทียะ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
โรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ)
ปีที่พิมพ์ 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการภายในโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยห้องสมุด ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และห้องปฏิบัติการดนตรีและนาฏศิลป์ ดำเนินการโดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) ประกอบด้วยการวางแผน (Planning) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต (Observation) และการสะท้อนผล (Reflection) กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าและให้ข้อมูลจำนวน 11 คน ประกอบด้วยผู้ศึกษาค้นคว้า ครูผู้สอน จำนวน 10 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจำนวน 401 คน คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 384 คน ครูผู้สอน ที่ไม่ใช่รับผิดชอบแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ) จำนวน 17 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นบุคคลภายนอกโรงเรียน จำนวน 13 คน รวม 37 คน ใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาคือการประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือการนิเทศกำกับ ติดตามและกิจกรรมการมีส่วนร่วมเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึก แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม การตรวจสอบข้อมูลใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (Triangulation Technique) และข้อมูลเชิงปริมาณใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าโดยวิธีพรรณนา
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการในวงรอบที่ 1 โดยใช้ กลยุทธ์การประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือและการนิเทศกำกับติดตาม ทำให้ผู้ร่วมศึกษาค้นคว้ามีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนดียิ่งขึ้น มีการจัดสภาพแวดล้อมให้แต่ละแหล่งการเรียนรู้มีสภาพเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยและพอเพียง และจัดตารางการใช้และข้อตกลงแหล่งเรียนรู้อย่างชัดเจน ยังต้องปรับปรุงพัฒนาอีกต่อไป คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมศักยภาพด้านวิชาการให้แก่ผู้เรียน จึงมีการดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 2 โดยใช้กลยุทธ์การมีส่วนร่วม โดยจัดกิจกรรมเสริมศักยภาพทางวิชาการแก่นักเรียน อาทิเช่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ได้แก่ เล่านิทาน ว่างจากงานอ่านทุกคน แข่งขันตอบปัญหา ห้องสมุดเคลื่อนที่ค่ายการอ่านแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมยอดนักอ่าน เสียงตามสาย วันสำคัญ นิทรรศการ กิจกรรมวันวิทยาศาสตร์ การตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ การตอบปัญหาภาษาอังกฤษ การกล่าว สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ และการแข่งขันทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เป็นต้น ส่งผลให้นักเรียนเกิด ความพึงพอใจในการเรียน อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาตนเอง มีทักษะในการเรียนรู้และสนับสนุนให้ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น
โดยสรุป การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านวิชาการในโรงเรียนเทศบาล 2 (สหกรณ์สมทบ)อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้กลยุทธ์การประชุมปฏิบัติการการระดมความร่วมมือการนิเทศกำกับติดตามและกิจกรรมการมีส่วนร่วม ทำให้โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ที่มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ประกอบ การเรียนการสอน สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูและนักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้อย่างคุ้มค่า และเป็นการเพิ่มศักยภาพตนเองทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์และด้านสังคม และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปีการศึกษา 2556 สูงกว่าปีการศึกษาที่ผ่านมาอย่างชัดเจน จึงควรสนับสนุนส่งเสริมให้นำกลยุทธ์ดังกล่าวไปใช้พัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนอื่น ๆ ต่อไป