ผลการเปรียบเทียบการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับ
ชื่อเรื่อง : ผลการเปรียบเทียบการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต กับวิธี
สอนแบบปกติ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย : นางถนอมศรี ธรรมานุวงศ์
ปีที่วิจัย : 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของประชากรกลุ่มทดลองชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ของประชากรกลุ่มควบคุม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการใช้หนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของประชากรกลุ่มทดลองที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนโรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน เป็นกลุ่มทดลองและชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ของโรงเรียนปางหัดสหศาสตร์ อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 เป็นกลุ่มควบคุม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต จำนวน 11 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 2 เล่ม แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 วิธีดำเนินการคือผู้วิจัยได้ทดสอบก่อนเรียน ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีเรียนแบบปกติในกลุ่มควบคุมและสอนในกลุ่มทดลอง โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ทั้งหมด 11 เล่ม ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนและทดสอบหลังเรียน สอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาศึกษาปีที่ 5 ของกลุ่มทดลอง นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ได้แก่ การหาค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ด้วยค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น จำนวน 11 เล่ม จากการนำไปใช้กับประชากรกลุ่มทดลอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 พบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 ในภาพรวมมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.46/83.78
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของประชากร กลุ่มทดลอง
จากการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ของกลุ่มควบคุม โดยการใช้หนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โรงเรียนปางหัดสหศาสตร์ อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนของกลุ่มควบคุม
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของประชากรกลุ่มทดลอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน
ที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต จากการตอบแบบสอบถาม จำนวน 10
ข้อรายการ พบว่า มีระดับความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.96, ค่า
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.10) เมื่อพิจารณาเป็นรายเล่ม พบว่า มีความพึงพอใจในระดับมาก
ที่สุดทุกเล่ม
สอนแบบปกติ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย : นางถนอมศรี ธรรมานุวงศ์
ปีที่วิจัย : 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของประชากรกลุ่มทดลองชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ของประชากรกลุ่มควบคุม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการใช้หนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของประชากรกลุ่มทดลองที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนโรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน เป็นกลุ่มทดลองและชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ของโรงเรียนปางหัดสหศาสตร์ อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 เป็นกลุ่มควบคุม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต จำนวน 11 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 2 เล่ม แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 วิธีดำเนินการคือผู้วิจัยได้ทดสอบก่อนเรียน ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีเรียนแบบปกติในกลุ่มควบคุมและสอนในกลุ่มทดลอง โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ทั้งหมด 11 เล่ม ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนและทดสอบหลังเรียน สอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาศึกษาปีที่ 5 ของกลุ่มทดลอง นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ได้แก่ การหาค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ด้วยค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น จำนวน 11 เล่ม จากการนำไปใช้กับประชากรกลุ่มทดลอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 พบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 ในภาพรวมมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.46/83.78
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของประชากร กลุ่มทดลอง
จากการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต ของกลุ่มควบคุม โดยการใช้หนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โรงเรียนปางหัดสหศาสตร์ อำเภอเวียงแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนของกลุ่มควบคุม
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของประชากรกลุ่มทดลอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน
ที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด เศรษฐศาสตร์กับชีวิต จากการตอบแบบสอบถาม จำนวน 10
ข้อรายการ พบว่า มีระดับความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.96, ค่า
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.10) เมื่อพิจารณาเป็นรายเล่ม พบว่า มีความพึงพอใจในระดับมาก
ที่สุดทุกเล่ม