รายงานการพัฒนาชุดฝึกทักษะการเรียนรู้เรื่องแรงและกฎการเคลื่อนที่
การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้นั้น จำเป็นต้องใช้สื่อนวัตกรรมตลอดจนเทคนิค และวิธีการสอนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้กิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจในเนื้อหาให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น
การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการศึกษา คือ (1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะการเรียนรู้เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการเรียนรู้
เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
(3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการเรียนรู้
เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ของโรงเรียนศรีบุณยานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 33 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา มี 3 ชนิด ได้แก่ (1) ชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีความยาก (P) ตั้งแต่ 0.23 ถึง 0.77 และมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.79 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rcc) เท่ากับ 0.92 และ (3) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test Dependent
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. ชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 83.66/83.74
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7155 แสดงว่าผู้เรียนมีการพัฒนาความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.55
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และ
กฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการเรียนรู้
เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก
4. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก
โดยสรุปชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เรื่อง แรง และกฎการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนพร้อมทั้งเป็นแนวทางในการพัฒนาเนื้อหาอื่นและรายวิชาอื่นต่อไป