รายงานผลการใช้แบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน
บทคัดย่อ
นางสาวรุ้งลาวัลย์ กิจอรุณโชค (2559) : รายงานผลการการใช้แบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่ม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ (1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการอ่านออกเสียง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนเมื่อใช้แบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่ม (3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เมื่อได้รับการสอนด้วยแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ที่ใช้คู่กับ การเรียนแบบกลุ่ม กลุ่มทดลองที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนบ้านหนองรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ห้องประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนรวม 28 คน ที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับฉลาก เนื่องจากโรงเรียนบ้านหนองรี ได้จัดห้องเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบคละผลสัมฤทธิ์กัน คือ มีทั้งกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อนในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้ง 2 ห้องเรียน (ประถมศึกษาปีที่ 3/1 และ ประถมศึกษาปีที่ 3/2) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ไม่แตกต่างกัน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง รวม 18 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 ถึง 29 ธันวาคม 25598 สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจากคอมพิวเตอร์
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 84.13/85.12 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนหลังจากการใช้ ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวนนักเรียน 28 คน สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ย 2.92 อยู่ในระดับคุณภาพมาก
นางสาวรุ้งลาวัลย์ กิจอรุณโชค (2559) : รายงานผลการการใช้แบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่ม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ (1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการอ่านออกเสียง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนเมื่อใช้แบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่ม (3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เมื่อได้รับการสอนด้วยแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน ที่ใช้คู่กับ การเรียนแบบกลุ่ม กลุ่มทดลองที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนบ้านหนองรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ห้องประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนรวม 28 คน ที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับฉลาก เนื่องจากโรงเรียนบ้านหนองรี ได้จัดห้องเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบคละผลสัมฤทธิ์กัน คือ มีทั้งกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อนในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้ง 2 ห้องเรียน (ประถมศึกษาปีที่ 3/1 และ ประถมศึกษาปีที่ 3/2) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ไม่แตกต่างกัน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง รวม 18 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 ถึง 29 ธันวาคม 25598 สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจากคอมพิวเตอร์
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 84.13/85.12 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนหลังจากการใช้ ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวนนักเรียน 28 คน สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึก ชุด หนูพากเพียร เรียนการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ย 2.92 อยู่ในระดับคุณภาพมาก