ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ กา
ชื่อเรื่อง : ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
ชื่อผู้ศึกษา : ศิริลักษณ์ กาศมณี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาสตร์
ปีที่ศึกษา : 2558
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร จำนวน 20 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยกำหนดมาตราส่วนเป็น 5 ระดับ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้นำไปวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ E1/E¬2 ใช้เกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบคะแนนจากการทดสอบก่อนและหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร และวิเคราะห์ความพึงพอใจ หาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ Microsoft Excel วิเคราะห์
ผลการศึกษา พบว่า แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชุดที่ 1 – 20 โดยเฉลี่ยมีประสิทธิภาพรวม คือ 91.17/83.51 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร มีคะแนนทดสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 10.95 คิดเป็นร้อยละ 36.49 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.05 คิดเป็นร้อยละ 83.51 แสดงว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์การผ่านของโรงเรียน คือ ร้อยละ 70 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.75
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
ชื่อผู้ศึกษา : ศิริลักษณ์ กาศมณี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาสตร์
ปีที่ศึกษา : 2558
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแม่ลาว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร จำนวน 20 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยกำหนดมาตราส่วนเป็น 5 ระดับ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้นำไปวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ E1/E¬2 ใช้เกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบคะแนนจากการทดสอบก่อนและหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร และวิเคราะห์ความพึงพอใจ หาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ Microsoft Excel วิเคราะห์
ผลการศึกษา พบว่า แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชุดที่ 1 – 20 โดยเฉลี่ยมีประสิทธิภาพรวม คือ 91.17/83.51 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร มีคะแนนทดสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 10.95 คิดเป็นร้อยละ 36.49 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.05 คิดเป็นร้อยละ 83.51 แสดงว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์การผ่านของโรงเรียน คือ ร้อยละ 70 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.75