รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เร
เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้ศึกษา นายทศพล มีพรหม ครู วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรียนบ้านหนองแสง อำเภอเจริญศิลป์ สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2
ปีที่ทำการศึกษา ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้สามารถพัฒนาตนโดยมีการคิดอย่างเป็นระบบ มีเหตุผล มีระเบียบแบบแผน สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดทักษะในการเรียนรู้ ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนบ้านหนองแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 20 คน ซึ่งเป็นนักเรียนที่ผู้ศึกษาค้นคว้าได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สอน และภายในห้องเรียนมีนักเรียนทุกระดับสติปัญญา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 3 ชนิด คือ แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 เล่ม
แผนจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยที่ 7 สมการและการแก้สมการ จำนวน 17 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก
จำนวน 40 ข้อ จำนวน 1 ชุด และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ การทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t – test Dependent ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้ E1/E2 ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่นและค่าดัชนีความสอดคล้อง
ผลการศึกษาปรากฏ ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 87.65/83.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลในการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 0.6415 ซึ่งหมายความว่า
การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 64.15
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับ
มากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.64
สรุปได้ว่าแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและ
การแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้น สามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและครูสามารถนำแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ไปใช้เป็นสื่อในการสอนคณิตศาสตร์