การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โรคติดต่อใกล้ตัว กลุ่มสาระกา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้ศึกษาค้นคว้า นายสมมิตร ไขชัยภูมิ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนบ้านวังรางใหญ่ อำเภอสูงเนิน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4
ที่ปรึกษา นายธีรพัฒน์ สุคนธพงศ์
ปีที่ศึกษาค้นคว้า 2556
บทคัดย่อ
การจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงนวัตกรรมทางการศึกษา เพราะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ และยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ได้เท่าเทียมกัน เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้ศึกษาค้นคว้าจึงได้เลือกพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โรคติดต่อใกล้ตัว กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โรคติดต่อ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปที่พัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านวังรางใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 จังหวัดนครราชสีมา ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 4 ชนิด คือ แผนการจัดการเรียนรู้ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โรคติดต่อใกล้ตัว กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โรคติดต่อใกล้ตัว กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.05/86.10
2. ดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index) ของบทเรียนสำเร็จรูปมีค่าเท่ากับ 0.6263 แสดงว่า บทเรียนสำเร็จรูปทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 62.63
3. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปสูงกว่าคะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปอยู่ในระดับมากที่สุด