การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์
ผู้รายงาน นางสุพัฒตา โนทะนะ
สถานศึกษา โรงเรียนนาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2556
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง และเพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 32 คน โรงเรียนนาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ คะแนนเฉลี่ย การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที (t – test)
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. คะแนนประสิทธิภาพระหว่างเรียนและหลังเรียนของชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เปรียบเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ผลการศึกษาพบว่าคะแนนประสิทธิภาพระหว่างเรียนและหลังเรียนคือร้อยละ 86.84 และ 86.15 ตามลำดับ คิดเป็นคะแนนประสิทธิภาพระหว่างเรียน/หลังเรียนคือ 86.84/86.15 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของ
โพลยา เรื่อง คลื่นเสียง พบว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้โจทย์ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา เรื่อง คลื่นเสียง โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด