บทคัดย่อรายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน นายวันชัย ภู่แก้ว
ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
รายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน และเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นลักษณะการศึกษาเชิงทดลอง (Experimental Research) เนื้อหาที่ใช้ในการจัดทำแบบฝึกเสริมทักษะ แบ่งเป็น 9 เล่ม ประกอบด้วย เล่มที่ 1. มาตราแม่กง กม เกย เกอว ตัวสะกดตรงมาตรา เล่มที่ 2. มาตราแม่กก กบ กน กด ตัวสะกดหลายตัว เล่มที่ 3. คำควบกล้ำแท้ ร ล ว จำได้แน่นอน เล่มที่ 4. คำควบกล้ำไม่แท้แปลความหมาย เล่มที่ 5. อักษรนำทำให้เสียงต่างไป เล่มที่ 6. คำประวิสรรชนีย์ชี้ให้เห็นเน้นสระอะ เล่มที่ 7. คำไม่ประวิสรรชนีย์อ่านสนุกได้ทุกคำ เล่มที่ 8. คำที่มีตัวการันต์เลือกสรรใช้ เล่มที่ 9. คำที่ใช้ รร(ร หัน) บัน บรร น่าหรรษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนบ้านห้วยรางเกตุ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำนวน 27 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากเป็นนักเรียนชั้นที่ผู้รายงานเป็นผู้รับผิดชอบในการจัด การเรียนรู้ ตัวแปรต้น ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ทำการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 โดยใช้เวลาเรียนในชั่วโมงซ่อมเสริม จำนวน 9 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 27 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ จำนวน 9 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทีแบบไม่อิสระ และค่าประสิทธิภาพ E / E
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 83.50/84.26
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกเสริมทักษะ อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก