การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้แบบฝึกเสริมทั
ผู้ศึกษา นางอมรรัตน์ ศรีจันทร์
สถานศึกษา โรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
ปีการศึกษา 2556
บทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา)ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/1โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จากสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานt-test (Dependent Sample)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (วิมุกตายนวิทยา) พบว่า มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 77.94 /76.66 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ ในภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก