การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช
ผู้ศึกษา นายเรืองเดช ปันอ้าย
สถานศึกษา โรงเรียนนาน้อย อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่ใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ
กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนนาน้อย อำเภอนาน้อย จังหวัด
น่าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 34
คน เลือกมาแบบเจาะจง (Purposive sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง
อัตราส่วนและร้อยละ จำนวน 7 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ
จำนวน 13 แผน และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ซึ่งแบบทดสอบมีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.21 – 0.42 ค่าอำนาจ
จำแนก (r) ตั้งแต่ 0.22 – 0.56 ค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ 0.77
ผลการศึกษา พบว่า
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ มีประสิทธิภาพ 82.98 /88.24 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ คิดเป็นร้อยละ 82.98 และได้คะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 88.24 แสดงว่าแบบฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานของการศึกษา
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนของนักเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.74 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.86 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 17.65 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.01 เมื่อทดสอบค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เป็นไปตามสมมติฐานของการศึกษา
3. ความพึงพอใจต่อการเรียนของนักเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านโครงสร้างความรู้ ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ด้านการแก้ปัญหา/การใช้เหตุผล ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านคุณลักษณะอื่น ๆ ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก