LASTEST NEWS

21 ธ.ค. 2567ปฏิทินการจ่ายเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างประจำ ประจำปี 2568 20 ธ.ค. 2567สพป.บึงกาฬ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย (ขอใช้บัญชี สพม.หนองคาย) จำนวน 3 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 20 ธ.ค. 2567​​​​​​​กรมบัญชีกลาง เปิดสอบพนักงานราชการ 27 อัตรา ไม่ต้องผ่าน ภาค ก ตั้งแต่ 3 - 24 มกราคม 2568 19 ธ.ค. 2567สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย เขตอื่น ใช้บรรจุ 2 วิชาเอก 13 อัตรา รายงานตัว 26 ธันวาคม 2567 19 ธ.ค. 2567สพป.มหาสารคาม เขต 2 เผยบัญชีตำแหน่งว่างใช่บรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 5  19 ธ.ค. 2567สพป.อุดรธานี เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 45 อัตรา 18 ธ.ค. 2567ผู้บริหาร สพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 10/2567 18 ธ.ค. 2567สพม.สงขลา สตูล เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 10 อัตรา - รายงานตัว 24 ธันวาคม 2567 18 ธ.ค. 2567กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 21 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 - 21 มกราคม 2568 18 ธ.ค. 2567 โอกาสดีมาถึงแล้ว!  ทุนเรียนต่อครู สควค. ม.เกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครทั่วประเทศ จบแล้วบรรจุเป็นครูทันที! สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 10 ม.ค. 2568

10 สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูก​

  • 14 เม.ย. 2557 เวลา 20:13 น.
  • 11,256
10 สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูก​

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

10 สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูก​/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
 
เด็กๆเรียนรู้ภาษาจากการฟังคุณพ่อ คุณแม่พูด และในทางเดียวกันเด็กๆจะแสดงพฤติกรรมต่างๆจากการเห็นและประพฤติตามอย่างคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่เป็นเหมือนกระจกเงาของลูก หากลูกเห็นคุณพ่อคุณแม่ออกกำลังกายทุกวันเด็กๆจะเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายและปฏิบัติตาม
 
       ในทางกลับกันหากทุกวันคุณพ่อ คุณแม่กลับมาบ้านและเปิดทีวีดูเป็นอันดับแรก เด็กๆก็จะเห็นว่าทีวีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และสิ่งที่เด็กๆจะทำสิ่งแรกหลังจากการกลับจากโรงเรียนคือเปิดทีวีดูเช่นเดียวกัน ดังนั้นในฐานะที่เป็นคุณพ่อคุณแม่เราต้องเป็นแบบอย่างให้ลูก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูกมีดังนี้
       
       1. พูดโกหกต่อหน้าลูก ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อถูกตำรวจจับเรื่องความเร็ว คุณพ้อบอกว่าต้องรีบพาลูกไปโรงพยาบาลเพราะลูกไม่สบาย ทั้งๆที่ลูกสบายดี หรือเมื่อไปทานบุฟเฟต์ที่โรงแรมบอกว่าลูกอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียสตางค์เพิ่ม ทั้งๆที่ลูกอายุเกินแล้ว เป็นต้น การพูดไม่จริงต่อหน้าลูกเพื่อหลีกเลี่ยงหรือหาผลประโยชน์เข้าหาตนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกเห็นว่า การเอาเปรียบผู้อื่น หากจับไม่ได้เป็นที่ยอมรับได้และสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเด็กๆไปจนถึงเมื่อเป็นผู้ใหญ่
       
       2. พูดหยาบคายต่อหน้าลูก เมื่อขับรถและมีรถคันอื่นขับตัดหน้า คุณพ่อคุณแม่อาจเผลอตัวกล่าวคำสถบ หรือพูดหยาบคายออกไป โดยไม่ได้ตั้งใจ คำที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ แม้จะเป็นคำสั้นๆ แต่หูเล็กๆของเด็กๆจะจดจำและนึกสนุกอยากพูดบ้าง ยิ่งหากเป็นเด็กในวัยที่กำลังเริ่มพูดแล้ว จะพูดคำที่ไม่สุภาพเหล่านั้นออกมาได้ง่ายๆทีเดียว
       
       3. สูบบุหรี่ บุหรี่ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ยิ่งถ้าเป็นเด็กๆด้วยแล้วควันจากบุหรี่จะเข้าไปสู่ปอดของเด็กๆได้โดยง่าย เราคงไม่อยากให้ลูกหรือคนรอบข้างที่เรารักได้รับผลกระทบจากบุหรี่เป็นแน่ ทั้งโรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือโรคมะเร็ง เป็นต้น
       
       4. เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคน ลูกต้องไม่บอกคุณแม่( หรือคุณพ่อ)นะ พ่อจะให้ลูกทานขนมกรุบกรอบแต่เป็นความลับระหว่างเราสองคน แม้ว่าดูเป็นเรื่องเล็กดูไม่สำคัญและทำเพื่อให้ลูกรู้สึกว่าลูกเป็นคนโปรด แต่ลูกจะเรียนรู้ว่าการโกหก หรือการมีความลับกับคุณแม่( หรือคุณพ่อ)เป็นสิ่งปกติและทำได้ และทำให้ลูกลดอำนาจและบทบาทของคุณแม่ลง ทำให้คุณแม่( หรือคุณพ่อ)มีความยากลำบากในการลงวินัยหรือสั่งสอนลูก
       
       5. พูดล้อเลียนลูก การพูดจาล้อเลียนหรือเสียดสีต่อหน้าลูก ทำให้ลูกเข้าใจผิด เช่น ระวังอย่าเผลอไปกินมดเข้านะลูก เพราะกินมดตัวหนึ่งทำให้โง่ไป 7 วัน เป็นต้น ลูกยังเด็กและจะฝังความทรงจำเหล่านี้เข้าไปในสมอง และจะทำให้ลูกหลงเชื่อในเรื่องงมงาย
       
       6. ล้อเลียนคนอื่นต่อหน้าลูก เช่นดูซิคนนั้นเป็นคนชาวเขา พูดภาษาไทยไม่ชัด พูดคำว่าแครอทไม่ได้ หรือเห็นคนพิการก็ทำท่าล้อเลียนเป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสร้างคุณค่าให้เด็กเห็นว่าการดูถูกคนที่ด้อยโอกาสเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และจะนำไปสู่การสร้างเด็กให้เป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของทั้งตัวเองและคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
       
       7. หัวเราะเยาะคุณครูของลูกหรือเพื่อนของลูกที่โรงเรียน เราคงจำได้ถึงคุณครูที่เราชอบล้อเลียนลับหลัง การกระทำเหล่านี้ทำให้ลูกไม่รู้จักการให้เกียรติผู้อื่น
       
       8. ใช้เวลามากเกินไปกับ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์หรือสื่อเทคโนโลยี ต่างๆ หากเราเห็นลูกเล่นแทปเล็ต ตั้งแต่ 6 ขวบ และติดสื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ ให้เรารีบให้ความช่วยเหลือลูกทันที หากเราต้องการให้ลูกติดนิสัยรักการอ่าน เราต้องให้หนังสือแก่ลูก หากเราต้องการให้ลูกฝึกกล้ามเนื้อ มือและตา เราต้องให้ลูกหัดปั้นแป้ง ทำงานศิลปะ เล่นไม้บล็อก คุณพ่อคุณแม่ควรเล่นกับลูกและใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับลูกมากที่สุด
       
       9. ลงอารมณ์กับลูก สิ่งนี้หมายความถึงการแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ด้วย เด็กๆมักจะคิดว่าเวลามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เป็นเพราะความผิดของพวกเขา ในบางครั้งเราอาจเผลอตัว เช่น ขณะที่เรากำลังดูการแข่งขันกีฬาและทีมที่เรากำลังเชียร์อยู่แพ้ เราจึงกล่าวคำหยาบคายออกไป เด็กๆจะคิดว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่กล่าวเช่นนั้น
       
       10. ทะเลาะกันต่อหน้าลูก ครอบครัวควรรักและให้อภัยกันและกัน การทะเลาะกันต่อหน้าลูกทำให้ลูกสับสนและไม่รู้ว่าจะเข้าข้างใคร เป็นการสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นในใจเด็กด้วย เพราะเด็กต้องการเห็นคุณพ่อคุณแม่รักกัน
       
       10 ข้อเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำกับลูก หากเราเคยกระทำข้อใดข้อหนึ่ง วันนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ จำไว้ว่าการเป็นพ่อแม่ที่ดีคือการเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูก อย่าลืมว่ามีสายตาเล็กๆที่กำลังจ้องมองเราอยู่เสมอ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวค่ะ
 
 
  • 14 เม.ย. 2557 เวลา 20:13 น.
  • 11,256

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : 10 สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูก​

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^