KRUWANDEE

การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) สังกัดเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวนนักเรียน 84 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) สังกัดเทศบาลเมือง พิบูลมังสาหาร อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 40 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) แบบทดสอบวัดความสามรถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติวิเคราะห์ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
     1. ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.94/82.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
     2. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เท่ากับ 0.7316 หมายความว่า ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.16
    3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าค่าดัชนีประสิทธิผลของแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7316 คิดเป็นร้อยละ 73.16 หมายความว่า ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.16    
    4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก